เมื่อราวๆปี 2020 มีคลิปไวรัลนึงชื่อว่า "'Is Your Food Fake?'" ซึ่งจัดทำโดยช่องที่ชื่อว่า Blossom ในคลิปนั้นได้กล่าวอ้างถึงอาหารปลอมหลายๆชนิด หนึ่งในนั้นที่ถูกพูดถึงที่สุดคือ ชีสแผ่นครับ
เขาเอาชีสแผ่นมาเผาไฟเทียบกับชีสแท้หรือ natural cheese ปรากฎว่าชีสแผ่นไม่ละลายและมีการไหม้จนดำ ในขณะที่ชีสแท้มีการละลายและมีรอยไหม้เล็กน้อย ปรากฎว่าคนแชร์กันไปมากมายว่า ชีสแผ่นมีสารเคมีมากมายทำให้ไม่ละลาย
จนกระทั่ง มีคุณ Ann Reardon จากช่อง How To Cook That ออกมาบอกว่า การทดลองนี้ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปที่กล่าวอ้างได้ เนื่องจาก
ชีสแผ่น มีไขมันทั้งหมด 18.9 กรัม ต่อ 100 กรัม
ชีสธรรมชาติ มีไขมันทั้งหมด 33.3 กรัม ต่อ 100 กรัม
คุณแอนระบุว่า ปริมาณไขมันที่แตกต่างกันนี่แหละครับ คือสิ่งที่ทำให้ชีสละลายและหยดลงมาได้ ชีสธรรมชาติมีปริมาณไขมันเกือบสองเท่าของชีสแผ่น วิดีโอของ Blossom ควรจะแสดงว่า "ชีสไขมันต่ำจะไหม้ภายใต้เปลวไฟ ส่วนชีสไขมันสูงจะละลายและหยดลงมาภายใต้เปลวไฟ" มากกว่า นั่นหมายถึงว่า การแสดงการทดลองของ Blossom นั้นสรุปผิดพลาด โดยไปอ้างว่าเป็นเพราะสารเติมแต่ง ทั้งๆ ที่สาเหตุที่แท้จริงคือปริมาณไขมัน เปรียบเทียบคล้ายๆกับที่เราเคยเล่าถึงคอเลสเตอรอล ว่า การบอกว่า ยิ่งมีนักดับเพลิงไปดับไฟมาก ความเสียหายยิ่งมากขึ้น ดังนั้น นักดับเพลิงจึงเป็นสาเหตุของความเสียหาย ซึ่งเป็นการนำข้อเท็จจริงไปสู่ข้อสรุปที่ผิด
การที่มีหนังสือ Ultra Processed People ออกมาก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ
พวกเราจะได้ตื่นตัวเรื่องอาหารผ่านกระบวนการ ที่มีการกล่าวว่าสร้างโอกาสทำให้เราป่วยได้
แต่การตื่นตัวนั้นเราก็ต้องตื่นรู้ด้วยครับว่า โลกทุกวันนี้สินค้าแต่ละชนิดนั้นมีตลาดเป็นของตัวเอง อย่างชีสในคลิปนี้ก็เช่นกัน คนที่รักการกินชีสเบอร์เกอร์ ก็ยังคงติดใจการหลอมเหลวที่คลุมเนื้อเบอร์เกอร์ อย่างสวยงาม ในแบบที่ชีสแท้ทำไม่ได้ นี่ยังไม่นับสินค้าที่ต้องจำกัดต้นทุน เพื่อให้ผู้บริโภคที่มีข้อจำกัดในการเลือกซื้อสินค้าตามกำลังที่มี
เราคงจะไม่สามารถบังคับให้ทุกคนใช้ชีสแท้มาทำอาหารได้ เพราะเป็นการยกต้นทุนให้สูงขึ้นไปอีก ดังนั้น การที่เรามีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงในการเลือกอาหาร หรือ มีความสามารถในการจับจ่ายแล้ว เช่นต้องการเนื้อหรือผัก ออแกนิกเท่านั้น เราก็สามารถสอบถามผู้ผลิต หรือ ดูฉลากโภชนาการเองได้ครับ ว่าเป็นวัตถุดิบที่เราต้องการบริโภคหรือเปล่า
ดังนั้น แก่นของการเรียนรู้เรื่อง Ultra Processed Food คือการเรียนรู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นอาหารที่คุณกินนั้นผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ใครที่บริโภค Ultra Processed Food จะต้องสุขภาพไม่ดีเสมอไป และต้องอย่าลืมว่า คนที่ยังบริโภค Ultra Processed Food นั้นไม่ใช่เพราะเค้าไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เพราะเค้าไม่ใส่ใจสุขภาพ แต่มันยังมีเหตุผลอีกมากมาย ไม่ว่าจะรายได้ต่อวัน ความสะดวกสบาย หรือแม้แต่ ความชื่นชอบซึ่งตัวเขาสามารถจำกัดปริมาณได้ดี และดูแลสุขภาพในทางอื่นๆร่วมไปด้วยก็ได้
มิเช่นนั้น แม้แต่วุ้นกะทิ คุณก็จะกินไม่ได้ครับ
https://youtu.be/lYHlIARsZOc?si=GZX0ekdkwEP_92IO#siamstr #pirateketo